เรารู้จักแรงม้า (Horse Power) ใช้วัดกำลังของเครื่องยนต์ แต่มีพละกำลังอีกค่าหนึ่งที่มีความสำคัญไม่แพ้กันนั่นคือแรงบิด (Torque) คือ แรงหมุนของเพลาเครื่องยนต์ ส่งกำลังของเครื่องยนต์ไปหมุน เกียร์ เพลา และ ล้อรถ ทำให้รถเคลื่อนที่ไปได้ (นึกถึงเวลาเราบิดผ้าที่ปลายด้านหนึ่งแล้วจะมีแรงส่งไปที่ปลายอีกด้าน) สำหรับรถยนต์แรงบิดต้องเอาชนะแรงเสียดทานจากขนาดและน้ำหนักของรถคันนั้น) ซึ่งแรงบิดจะมีค่าเปลี่ยนไปตามรอบของเครื่องยนต์ ในรถที่มีเครื่องยนต์แรงบิดสูง จะมีอัตราเร่งดีกว่ารถที่ใช้เครื่องยนต์ที่มีแรงบิดต่ำกว่า รถที่มีแรงบิดสูงที่รอบต่ำจึงออกตัวและเร่งได้เร็วกว่ารถ รวมถึงบรรทุกน้ำหนักได้ดีว่ารถที่แรงบิดมาในรอบสูง
หน่วยวัดของแรงบิด มี 3 ชนิดด้วยกันคือ Ft-lbs (ฟุต – ปอนด์) Kg-m (กิโลกรัม – เมตร) แต่ที่นิยมใช้กันทั่วโลกคือแบบ Nm (นิวตัน – เมตร/รอบต่อนาที) หมายถึงแรงที่ต้องใช้ผลักมีหน่วยเป็นนิวตันที่รัศมีการหมุนจากเพลา 1 เมตร (คุณสามารถจำลองการเกิดแรงบิดได้ด้วยตนเองโดยการใช้ประแจขันน๊อตแรงที่คุณกระทำกับด้ามจับคือแรงบิดที่พยายามหมุนน๊อตให้แน่นนั่นเอง
Flat Torque ดีอย่างไร?
ด้วยคุณสมบัติของแรงบิดที่ทำให้รถยนต์มีอัตราเร่งที่ดี วิศวกรจึงพยายามออกแบบให้เครื่องยนต์สร้างแรงบิดสูงในช่วงกำลังที่กว้างขึ้น และต่อเนื่องตั้งแต่รอบต่ำไปจนถึงรอบสูง เราจึงเรียกเครื่องยนต์แบบนี้ว่า Flat Torque ซึ่งในเครื่องยนต์รุ่นใหม่ๆ ของ BMW ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลที่ใช้เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo นั้นสร้างแรงบิดสูงสุดได้ตั้งแต่ประมาณหนึ่งพันกว่ารอบต่อนาที ซึ่งเป็นรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่ารอบเดินเบาของเครื่องยนต์เพียงนิดเดียว คุณจึงสัมผัสถึงการตอบสนองได้ทันทีที่แตะคันเร่งในทุกช่วงความเร็วที่ต้องการ
ยางรถยนต์มีความสำคัญกับการถ่ายทอดแรงบิดอย่างไร?
อย่างที่บอกไปแล้วว่าแรงบิดทั้งหมด สุดท้ายจะส่งผ่านลงไปสู่ล้อรถยนต์เพื่อเอาชนะแรงเสียดทานของรถกับผิวถนน การใช้ยางที่มีหน้าสัมผัสที่แคบเกินไป แต่รถมีกำลังแรงบิดสูงก็อาจจะทำให้เกิดการลื่นไถล ล้อฟรี ไม่เกาะถนน แต่ขณะเดียวกันถ้าหน้ายางกว้างเกินไปรถยนต์ก็จะใช้พลังงานเพิ่มขึ้น กินน้ำมัน และออกตัวอืดกว่าเดิม เราจึงต้องเลือกใช้ยางที่เหมาะสมตามที่ผู้ผลิตกำหนด เพราะขนาดของวงล้อ น้ำหนักล้อ และแก้มยางมีผลกับการเปลี่ยนแปลงของแรงบิดทั้งสิ้น
รู้จักกับแรงบิด 400 นิวตันเมตร BMW 520d M Sport
สำหรับ BMW 520d M Sport ซึ่งเป็นบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 5 ใหม่ที่พัฒนามาถึงเจเนอเรชั่นที่ 7 ซึ่งมาพร้อมกับขุมพลังดีเซล 4 สูบขนาด 2.0 ลิตร TwinPower Turbo ซึ่งบางคนมองว่าเครื่องยนต์แค่ 2.0 ลิตรนั้นเล็กเกินไปความจุน้อยกว่าเครื่องยนต์ของรถรถปิคอัพเสียอีก แต่เชื่อมั้ยครับว่าเทคโนโลยีนั้นสำคัญกว่าขนาด BMW 520d M Sport นั้นสามารถสร้างแรงบิดได้สูงถึง 400 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบต่อนาที พละกำลังแรงบิดขนาดนี้มากพอจะลากจูงรถพ่วง 18 ล้อไปสบายๆ แถมยังมีแรงม้าสูงถึง 190 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาทีส่งให้ตัวรถเคลื่อนจากหยุดนิ่งถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 7.5 วินาที สู่ความเร็วสูงสุด 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับชุดแต่งของ BMW M Performance โดยเฉพาะล้ออัลลอย M น้ำหนักเบาลาย Double-spoke ขนาด 18 นิ้ว ที่มาพร้อมกับยางหน้าขนาด 245/45 R18และ 275/40 R18 ที่ล้อหลัง ที่ช่วยให้รถถ่ายถอดกำลังและแรงบิดได้เต็มประสิทธิภาพ
หากอยากสัมผัสประสบการณ์และความรู้สึกของแรงบิด 400 นิวตันเมตรใน BMW 520d M Sport ลองติดต่อมาที่โชว์รูม มิลเลนเนียม ออโต้ ทุกสาขา เพื่อทดลองขับ หรือสอบถามเพิ่มเติมโทร. 1286 Millennium Auto Connect
Powered by Froala Editor